รูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคมของนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองไผ่ล้อม
โดย:
นายสันติ สิงหาพรม
[IP: 223.205.218.xxx]
เมื่อ: 2022-07-04 17:16:28
รูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคม
ของนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองไผ่ล้อม
A DEVELOPMENT OF SCHOOL ADMINISTRATION MODEL THAT PROMOTES PHYSICAL AND PSYCHOSOCIAL WELL-BEING OF BAN NONG PHAI LOM SCHOOL
สันติ สิงหาพรม
ผอ.รร.บ้านหนองไผ่ล้อม สพป.ชัยภูมิ เขต 3
งานวิจัยนี้ใช้กรอบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&D) มีวัตถุประสงค์
1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและประเด็นที่จำเป็นต่อการพัฒนาสถานศึกษาที่ส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและ
จิตสังคม 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคม 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคม และ 4) เพื่อประเมินและปรับปรุงรูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคม การวิจัยมี 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพปัญหา (Research: R1) กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ 1) ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียน ครู และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยใช้แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนา (Development: D1) กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ 1) ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียน ครู คณะกรรมการสถานศึกษา
ขั้นพื้นฐาน ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาคณะทำงาน โดยใช้แบบบันทึกการประชุมและแบบวิเคราะห์รูปแบบการบริหารสถานศึกษา ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้ (Research: R2) กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียน ครู โดยใช้แบบบันทึกการปฏิบัติงานและแบบบันทึกประจำวัน และขั้นตอนที่ 4 การประเมินและปรับปรุง (Development: D2) กลุ่มผู้ให้ข้อมูลในการประเมินผลการใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษา ได้แก่ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียน ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาคณะทำงาน โดยใช้แบบประเมินผลการใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษา และกลุ่มผู้ให้ข้อมูลในการประเมินความพึงพอใจในการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ได้แก่ ผู้ปกครองของนักเรียน และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 ปีการศึกษา 2564 โดยใช้แบบสอบถามความพึงพอใจในการจัดการศึกษาของสถานศึกษาโรงเรียนบ้านหนองไผ่ล้อม ใช้การตรวจสอบข้อมูลด้วยเทคนิคแบบสามเส้า (Triangulation) จากนั้นทำการวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดำเนินการวิจัยระหว่างวันที่
1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 ผลการวิจัยพบว่า
1. มีปัญหาในด้านบุคลากรและความชัดเจนของระบบการปฏิบัติงานและมีปัญหาในด้านการจัดการทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ที่ยังขาดแคลนและขาดความสมบูรณ์ในเชิงองค์ความรู้ และผู้บริหาร ครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความต้องการในการพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคมของนักเรียน ให้เป็นระบบและมีรูปธรรมชัดเจน
2. รูปแบบการบริหารพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคมของนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองไผ่ล้อม (Nongphailom Healthy School Model) มี 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ปัจจัยเชิงนโยบายและองค์ความรู้ 2) การขับเคลื่อน 3) ปัจจัยสนับสนุน และ 4) กำหนดเป้าหมาย
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคมของนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองไผ่ล้อม ในการเตรียมการมีการสร้างปฏิสัมพันธ์ในการทำงาน ประชุมร่วมกับครูและคณะทำงาน และดำเนินงานมีการพัฒนาและบริหารจัดการองค์ความรู้และแหล่งเรียนรู้ มีการตรวจแผนปฏิบัติการ การระดมความคิดเห็น การจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลทุกขั้นตอนโดยมีการมีส่วนร่วมของครู ผู้ปกครองและชุมชน
4. ผลการประเมินในภาพรวมรูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคมของนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองไผ่ล้อม ที่พัฒนาขึ้นมีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด และนักเรียนและผู้ปกครองนักเรียนมีความพึงพอใจในการจัดการศึกษาของโรงเรียนบ้านหนองไผ่ล้อม ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
ของนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองไผ่ล้อม
A DEVELOPMENT OF SCHOOL ADMINISTRATION MODEL THAT PROMOTES PHYSICAL AND PSYCHOSOCIAL WELL-BEING OF BAN NONG PHAI LOM SCHOOL
สันติ สิงหาพรม
ผอ.รร.บ้านหนองไผ่ล้อม สพป.ชัยภูมิ เขต 3
งานวิจัยนี้ใช้กรอบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&D) มีวัตถุประสงค์
1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและประเด็นที่จำเป็นต่อการพัฒนาสถานศึกษาที่ส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและ
จิตสังคม 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคม 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคม และ 4) เพื่อประเมินและปรับปรุงรูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคม การวิจัยมี 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพปัญหา (Research: R1) กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ 1) ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียน ครู และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยใช้แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนา (Development: D1) กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ 1) ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียน ครู คณะกรรมการสถานศึกษา
ขั้นพื้นฐาน ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาคณะทำงาน โดยใช้แบบบันทึกการประชุมและแบบวิเคราะห์รูปแบบการบริหารสถานศึกษา ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้ (Research: R2) กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียน ครู โดยใช้แบบบันทึกการปฏิบัติงานและแบบบันทึกประจำวัน และขั้นตอนที่ 4 การประเมินและปรับปรุง (Development: D2) กลุ่มผู้ให้ข้อมูลในการประเมินผลการใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษา ได้แก่ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียน ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาคณะทำงาน โดยใช้แบบประเมินผลการใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษา และกลุ่มผู้ให้ข้อมูลในการประเมินความพึงพอใจในการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ได้แก่ ผู้ปกครองของนักเรียน และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 ปีการศึกษา 2564 โดยใช้แบบสอบถามความพึงพอใจในการจัดการศึกษาของสถานศึกษาโรงเรียนบ้านหนองไผ่ล้อม ใช้การตรวจสอบข้อมูลด้วยเทคนิคแบบสามเส้า (Triangulation) จากนั้นทำการวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดำเนินการวิจัยระหว่างวันที่
1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 ผลการวิจัยพบว่า
1. มีปัญหาในด้านบุคลากรและความชัดเจนของระบบการปฏิบัติงานและมีปัญหาในด้านการจัดการทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ที่ยังขาดแคลนและขาดความสมบูรณ์ในเชิงองค์ความรู้ และผู้บริหาร ครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความต้องการในการพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคมของนักเรียน ให้เป็นระบบและมีรูปธรรมชัดเจน
2. รูปแบบการบริหารพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคมของนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองไผ่ล้อม (Nongphailom Healthy School Model) มี 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ปัจจัยเชิงนโยบายและองค์ความรู้ 2) การขับเคลื่อน 3) ปัจจัยสนับสนุน และ 4) กำหนดเป้าหมาย
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคมของนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองไผ่ล้อม ในการเตรียมการมีการสร้างปฏิสัมพันธ์ในการทำงาน ประชุมร่วมกับครูและคณะทำงาน และดำเนินงานมีการพัฒนาและบริหารจัดการองค์ความรู้และแหล่งเรียนรู้ มีการตรวจแผนปฏิบัติการ การระดมความคิดเห็น การจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลทุกขั้นตอนโดยมีการมีส่วนร่วมของครู ผู้ปกครองและชุมชน
4. ผลการประเมินในภาพรวมรูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคมของนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองไผ่ล้อม ที่พัฒนาขึ้นมีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด และนักเรียนและผู้ปกครองนักเรียนมีความพึงพอใจในการจัดการศึกษาของโรงเรียนบ้านหนองไผ่ล้อม ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments